รับวางท่อ ปลวกธัญบุรี
แมลงศัตรูข้าว และการป้องกันกำจัด
ปลวกเป็นแมลงศัตรูในดินของข้าวไร่ที่สำคัญชนิดหนึ่ง พบระบาดทำลายข้าวไร่ในแหล่งปลูกทั่วไป พบทำลายข้าวไร่มี 2 ชนิด คือ O. takensis Ahmad และ P. latignathus Holmgren ปลวกทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นพวกที่อาศัยและสร้างรังอยู่ใต้ผิวดิน มีวงจรชีวิตและอุปนิสัยคล้ายคลึงกัน
วงจรชีวิตของปลวกมี 3 ระยะ คือ ไข่ ตัวอ่อน และตัวเต็มวัย ไข่มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกแต่โค้งเล็กน้อยตรงส่วนปลาย ปลวกจะวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ ภายในรัง ในระยะสร้างรังใหม่ ปลวกรุ่นแรกที่ออกมาจะเป็นปลวกงาน และจะมีปริมาณมากตามต้องการ ทั้งนี้เพราะต้องการปลวกที่ออกไปหาอาหารและดูแล ตัวอ่อนในรุ่นต่อไป ปลวกรุ่นต่อมาจะเป็นปลวกทหาร ซึ่งจะออกมาเพียง 1-2 ตัว และจะเพิ่มปริมาณมากขึ้น ตัวอ่อนมีการลอกคราบหลายครั้ง หลังลอกคราบครั้งที่ 1 และ 2 ยังไม่สามารถแยกวรรณะได้ แต่จะแยกได้หลังจากการลอกคราบครั้งที่ 3-4 แล้วปลวกราชินีจะให้กำเนิดปลวกเพศผู้และเพศเมีย เพื่อช่วยทำหน้าที่ในการสืบพันธุ์ เมื่อปลวกราชินีตาย ปลวกเพศเมียจะทำหน้าที่ในการผสมพันธุ์ และวางไข่แทนปลวกราชินี ปลวกเหล่านี้จะมีปุ่มปีก ซึ่งจะพัฒนาเป็นปีก เมื่อถึงฤดูแพร่พันธุ์จะบินออกไปจากรังเพื่อผสมพันธุ์ และสร้างรังใหม่
ลักษณะการทำลาย
ปลวกที่อยู่ใต้ผิวดิน กัดกินทำลายส่วนรากของข้าวไร่ทุกระยะการเจริญเติบโต ส่วนมากจะพบการทำลายของปลวกในระยะแตกกอสูงสุด ต้นข้าวที่ถูกทำลาย จะแสดงอาการเริ่มเหลืองหรือเหลืองซีดทั้งกอและแห้งตายในเวลาต่อมา นอกจากนี้ ปลวกยังกัดกินทำลายส่วนลำต้น โดยเริ่มทำลายจากส่วนลำต้นใต้ดินขึ้นไปตามภาย ในปล้อง กัดกินเนื้อเยื่อภายในปล้อง และนำดินเข้าไปบรรจุเป็นรังแทนที่ ทำให้ต้นข้าวหักล้มที่ส่วนที่ถูกกัดกิน การทำลายของปลวกจะรุนแรงมากขึ้น เมื่อฝนทิ้งช่วงเกิดความแห้งแล้งติดต่อกันนาน มีผลทำให้ผลผลิตข้าวไร่ลดลง
การป้องกันกำจัด
- หากพบรังปลวกขณะเตรียมดิน ให้ขุดทำลาย หรือไถพรวนดินหลายครั้งเพื่อทำลายรัง
- ในพื้นที่ที่พบรังปลวกประจำให้คลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารคาร์โบซัลแฟน (พอสซ์ 25% เอสที) อัตรา 20 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม โดยคลุกให้ทั่วและนำไปปลูกทันที
ปลวก คืออะไร
ปลวกเป็นแมลงที่มีชีวิตความเป็นอยู่แบบสังคมอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ภายในรัง ปลวกมีนิสัยชอบที่มืดและอับชื้น ภายใน 1 รัง ปลวกจะมีการแบ่งแยกหน้าที่ในการทำงานกันอย่างชัดเจน จึงแบ่งปลวกออกได้เป็น 3 ประเภท (วรรณะ) โดยปลวกทุกวรรณะไม่ได้มีความสามารถในการกัดกินเนื้อไม้ จะมีเพียงวรรณะกรรมกรหรือปลวกงานที่ทำหน้าที่หาอาหารเพียงวรรณะเดียวเท่านั้นที่สามารถกัดกินเนื้อไม้และก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่ไม้ได้
ประเภทของปลวก
1. วรรณะกรรมกร (Worker)
เป็นปลวกตัวอ่อนและตัวเต็มวัยที่เป็นหมัน มีจำนวนมาก เป็นปลวกที่มีขนาดตัวเล็ก สีขาวนวล ไม่มีปีก เป็นหมัน มีผนัง ลำตัวบางสีอ่อน ไม่มีตา ใช้หนวดเป็นอวัยวะรับความรู้สึก พบจำนวนมากที่สุดภายในรัง และเป็นวรรณะเดียวที่กัดกินเนื้อไม้ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ไม้ มีหน้าที่เกือบทุกอย่างภายในรัง ตั้งแต่หาอาหาร เก็บสะสม ป้อนอาหารให้ปลวกราชินี ปลวกราชา ปลวกทหาร และตัวอ่อนที่เกิดใหม่ ที่ไม่สามารถหาอาหารกินเองได้ นอกจากนี้ปลวกงานยังสร้างและซ่อมแซมรัง ทำความสะอาดรัง และดูแลไข่
2. วรรณะทหาร (Soldier)
เป็นปลวกที่มีหัวขนาดใหญ่ สีเข้ม มีโครงสร้างผนังลำตัวที่แข็งแรงกว่าในวรรณะอื่น มีกรามขนาด ใหญ่ซึ่งดัดแปลงไปเป็นอวัยวะคล้ายคีมที่มีปลายแหลมคมสำหรับใช้ในการต่อสู้กับศัตรูที่มารบกวนสมาชิก ภายในรัง ไม่มีปีก ไม่มีตา ไม่มีเพศ
3. วรรณะสืบพันธุ์ (Reproductive)
เป็นวรรณะที่ปลวกมีรูปร่างต่างกันไป ตามช่วงเวลาในการดำเนินชีวิต ได้แก่
- แมลงเม่า (Alate or winged reproductive male or female) เป็นวรรณะสืบพันธุ์ที่มีปีก ซึ่งมีปีก 2 คู่ ปีกมีขนาดยาวเป็น 2 เท่าของลำตัว สีของลำตัวจะเป็นสีน้ำตาลอมเหลืองไปจนถึงสีดำ เมื่อมีสภาพอากาศที่เหมาะสมโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนแมลงเม่าจะบินออกจากรังเพื่อจับคู่ผสมพันธุ์ เมื่อผสมพันธุ์เสร็จแมลงเม่าจะสลัดปีกทิ้งและเดินตามกันเพื่อหาช่องว่างหรือรอยแตกภายในดินเพื่อวางไข่และสร้างรังใหม่ต่อไป
- ปลวกราชินี (Queen) และปลวกราชา (King) เป็นแมลงเม่าที่ผสมพันธุ์กันแล้วสลัดปีก และสร้างรังอยู่ในดิน หรือในไม้ เมื่อผสมพันธุ์ครั้งแรกแล้ว ส่วนท้องของปลวกราชินีจะขยายใหญ่ เพื่อให้รังไข่สามารถผลิตไข่ได้มากขึ้น จึงทำให้ปลวกราชินีมีขนาดใหญ่มากที่สุดในรังและมีอายุยืนยาว 25 – 50 ปี และทำให้ปลวกราชินีเคลื่อนไหวได้ลดลง จึงต้องมีปลวกงานคอยดูแล ส่วนใหญ่ใน 1 รัง จะมีปลวกราชินี 1 ตัวหรือมีปลวกราชินีได้มากกว่า 1 ตัว แล้วแต่ชนิดของปลวก แต่มีปลวกราชาตัวเดียว ในขณะที่ปลวกราชาหลังจากผสมพันธุ์แล้วมีขนาดลำตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ปลวกราชา 1 ตัวสามารถผสมพันธุ์ได้หลายครั้ง
- วรรณะสืบพันธุ์รอง (Supplementary Queen and King) เป็นปลวกที่ทำหน้าที่ผสมพันธุ์และออกไข่ เพิ่มจำนวน ประชากร ในกรณีที่ปลวกราชาหรือปลวกราชินีของรังถูกทำลายไป แต่มีประสิทธิภาพในการผลิตไข่ต่ำและมีอายุขัยสั้นกว่าเมื่อเทียบกับปลวกราชินีหรือปลวกราชา
เป็นปลวกตัวอ่อนและตัวเต็มวัยที่เป็นหมัน มีจำนวนมาก เป็นปลวกที่มีขนาดตัวเล็ก สีขาวนวล ไม่มีปีก เป็นหมัน มีผนัง ลำตัวบางสีอ่อน ไม่มีตา ใช้หนวดเป็นอวัยวะรับความรู้สึก พบจำนวนมากที่สุดภายในรัง และเป็นวรรณะเดียวที่กัดกินเนื้อไม้ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ไม้ มีหน้าที่เกือบทุกอย่างภายในรัง ตั้งแต่หาอาหาร เก็บสะสม ป้อนอาหารให้ปลวกราชินี ปลวกราชา ปลวกทหาร และตัวอ่อนที่เกิดใหม่ ที่ไม่สามารถหาอาหารกินเองได้ นอกจากนี้ปลวกงานยังสร้างและซ่อมแซมรัง ทำความสะอาดรัง และดูแลไข่
วงจรชีวิตของปลวก
ปลวกมีการเจริญเปลี่ยนแปลงรูปร่างแบบไม่สมบูรณ์ หรือ incomplete metamorphosis คือ ประกอบด้วยระยะไข่ (egg) ระยะตัวอ่อน (larva) และระยะตัวเต็มวัย (adult) โดยเริ่มจากช่วงหลังฝนตก แมลงเม่าเพศผู้และเพศเมียจำนวนมากบินออกจากรังในช่วงเวลาพลบค่ำ เพื่อมาเล่นไฟ จับคู่ผสมพันธุ์กัน จากนั้นจึงสลัดปีกทิ้ง แล้วเจาะลงไปสร้างรังในดิน ในบริเวณที่มีแหล่งอาหารและความชื้น หลังจากปรับสภาพดินเป็นที่อยู่แล้วประมาณ 2 – 3 วัน ปลวกราชินีจึงเริ่มวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ และจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจถึงวันละหลายพันฟอง สำหรับปลวกราชินีเมื่อวางไข่ครั้งแรกแล้วส่วนท้องจะขยายใหญ่ขึ้น เพื่อผลิตไข่ให้ได้มากขึ้นและใช้เป็นอวัยวะเก็บไข่ ไข่จะฟักออกมาเป็นตัวอ่อน และเจริญเติบโตโดยมีการลอกคราบจนเป็นตัวเต็มวัย ไข่รุ่นแรกจะฟักออกมาเป็นปลวกไม่มีปีก และเป็นหมัน ปลวกราชินีจะผลิตฟีโรโมน ออกมาจากทวารหนักของปลวกราชินี เพื่อควบคุมให้ปลวกเพศเมียเป็นหมัน และกระตุ้นให้ตัวอ่อนของปลวกพัฒนาไปเป็นวรรณะต่างๆ โดยฟีโรโมนดังกล่าวที่ปลวกราชินีปล่อยออกมา ยังมีหน้าที่ควบคุมการสร้าง juvenile hormone ในตัวอ่อน โดยในระยะ 3 – 4 ปีแรกของการสร้างรัง จำนวนปลวกงานและปลวกทหารจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ระยะเวลาการเจริญจากไข่ถึงปลวกทหารปลวกงาน ใช้เวลา 4 – 6 เดือน โดยจะมีบางส่วนเท่านั้นที่เจริญไปเป็นปลวกวรรณะสืบพันธุ์รอง เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์จะเจริญไปเป็นแมลงเม่า ซึ่งมีปีกยาวสมบูรณ์เต็มที่บินออกไปผสมพันธุ์ต่อไป ระยะเวลาการเจริญของวรรณะสืบพันธุ์จากไข่ถึงตัวเต็มวัยใช้เวลา 9 – 10 เดือน
อะไรคืออาหารของปลวก?
อาหารของปลวกคือเซลลูโลส (cellulose) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในเนื้อไม้ ปลวกส่วนใหญ่ทำความเสียหายแก่ไม้หรือโครงสร้างไม้ภายในอาคารบ้านเรือน รวมถึงเครื่องใช้ต่างๆ ที่ทำมาจากไม้ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีเซลลูโลสเป็นองค์ประกอบหลักในการดำรงชีวิต ได้แก่ ไม้แปรรูป วงกบประตู วงกบหน้าต่าง ขอบบัวของพื้นอาคาร ฝ้าเพดาน พื้นไม้ปาร์เก้ วอลเปเปอร์ พลาสติก วัสดุที่ทำจากกระดาษและใยผ้าต่างๆ ผลของการทำลายและกัดกินของปลวกจะสูญเสียโครงสร้างอันสวยงามของไม้ พื้น พรม รูปภาพ หนังสือ เสื้อผ้า เครื่องเรือน และกระดาษที่มีค่า
รับฉีดปลวก
STD House บริษัทรับกำจัดปลวก ราคาถูก รับประกันคุณภาพทั่วจังหวัด
ศูนย์รวมสินค้างานกำจัดปลวก โดยทีมช่างมืออาชีพประสบการณ์สูง ออกแบบให้คำแนะนำ งานกำจัดปลวก มด แมลง แมลงสาบ ดูแล ประเมินราคา ตามงบประมาณ รับประกันงาน ทุกพื้นที่ ทั่วจังหวัด ในราคาถูกที่เป็นกันเอง

- ทีมช่างมีประสบการณ์ตรงด้านงานกำจัดปลวก มด แมลง แมลงสาบ มากกว่า 20 ปี
- เดินทางวัดหน้างานฟรีทั่วจังหวัด เพื่อให้ลูกค้าได้รับ งานที่ตรงความต้องการก่อนตัดสินใจ
- รับงานกำจัดปลวก มด แมลง ทุกพื้นที่ ทั่วจังหวัด ทั่วประเทศ
- ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง มีความแข็งแรง ทนทาน
- ราคาถูก รับประกันคุณภาพ พร้อมการบริการหลังการขาย
- บริการคุณภาพด้วย STD House บริษัทรับกำจัดปลวก
พร้อมรับงานทุกขนาด งานบ้านทั่วไป งานโครงการ งานรับเหมา และอื่นๆ สนใจกำจัดปลวก มด แมลง แมลงสาบ ที่ STD House บริษัทรับกำจัดปลวก เท่านั้น

บริษัทรับกำจัดปลวก พื้นที่รับอัดน้ำยาปลวก
การควบคุมโดยใช้เหยื่อ (bait)
ทำให้เกิดการตายต่อเนื่อง เป็นวิธีการใหม่ในการกำจัดปลวกมีหลักการดังนี้
1. ใช้วัตถุอันตรายที่ออกฤทธิ์ช้า มีความปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิตและแวดล้อมมีประสิทธิภาพในการขัดขวางกระบวนการตามธรรมชาติในการดำรงชีวิตของปลวก สามารถลดจำนวนประชากรปลวกจนถึงระดับที่ไม่กอให้เกิดความเสียหายหรือเกิดการตายของปลวกต่อเนื่องจนหมดรัง
2. ใช้วัตถุอันตรายที่มีคุณสมบัติพิเศษดึงดูดปลวกให้เข้ามากินและสามารุคงรูปอยู่ในตัวปลวกได้ดีในระยะเวลาที่เหมาะสมที่จะเกิดการถ่ายทอดไปสู่สมาชิกอื่นในรังได้
เหยื่อ (bait)
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผลต่อการเจริญเติบโต แล้วส่งผลให้เกิดการตายอย่างต่อเนื่องภายในรังของปลวก อาจเป็นกลุ่มคล้ายฮอร์โมนที่มีผลมนการควบคุมการเจริญเติบโต เช่น hexaflumuron, diflubezuron เป็นสารประเภทยับยั้งการสร้างผนังลำตัวหรือเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในระบบทางเดินอาหารของปลวกสามารถถ่ายทอกไปยังปลวกตัวอื่นๆ ที่มากินซากปลวกที่ตายแล้ว เพราะกินเหยื่อชนิดนั้น เช่น disochin octoherate tetreahydrate ปัจจุบันมีเหยื่อกำจัดปลวกทั้งชนิดที่ติดตั้งภายในอาคารและชนิดฝังดินบริเวณรอบนอกอาคาร ในการนำเหยื่อกำจัดปลวกนี้ไปใช้จำเป็นต้องอาศัยผู้ที่ผ่าการอบรมให้มีความรู้ทางชีววิทยาและนิเวศวิทยาของปลวกเป็นอย่างดี และควรมีความชำนาญในการแก้ปัญหาระหว่างการวางและเปลี่ยนเหยื่อด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีการปลูกสร้างอาคารลักษณะที่สลับซับซ้อน จึงจำเป็นต้องกัดแปลงระบบการวางเหยื่อให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อล่อให้ปลวกเข้ามากินเหยื่อให้เร็วที่สุด
วิธีการวางเหยื่ออาหารล่อปลวก ขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้
1. สำรวจหาเส้นทางเดินใต้ดิน ของปลวกชนิดที่เข้าทำลายอาคารบ้านเรือน (Coptotermes gestroi) ตัดส่วนปลายให้แหลมหรือเป็นรูปลูกศร เพื่อง่ายต่อการนำไปฝังลงในดิน จะฝังชิ้นไม้นี้ลงไปในดินบริเวณรอบอาคาร ระยะห่างกันประมาณ 1.0 –5 เมตร ทิ้งไว้นานประมาณ 1 เดือน จึงทำการตรวจสอบว่ามีปลวกเข้มาทำลายตรงจุดไหนบ้าง โดยถอนชิ้นไม้ที่ปักไว้ไว้ขึ้นมาแต่ละจุดที่พบว่ามีการทำลายของปลวกในไม้ทำให้ทราบเส้นทางเดินใต้ดินของปลวกแน่ชัดของหลุมประมาณ 50 – 90 เซนติเมตร หรือขนาดพอที่จะฝังท่อปูนซีเมนต์หรือท่อพีวีซีหรือถุงพลาสติกที่มีลักษณะเปิดหัวเปิดท้ายลงไป จากนั้นจึงนำไม้ยางพาราขนาดเดียวกันแต่ไม่ต้องตัดให้แหลมมาจัดเรียงลงในกล่องกระดาษลูกฟูก พยามจัดเรียงชิ้นไม่ให้พื้นผิวด้านกว่างติดกันแน่นสนิท ให้ความชื้นไม้ก่อนที่จะนำไปวางไว้ภายในบ่อหรือท่อที่ทำไว้ ปิดฝาทิ้งไว้นานประมาณ 1-2 เดือน ปลวกจะเข้ามากินชิ้นไม้เหยื่อเป็นจำนวนมาก
2. การกำจัดและเปลี่ยนเหยื่อใหม่ ปลวกที่เข้ามาอยู่กินภายนกล่องเหยื่อนี้ จะถูกนไปกำจัดทิ้งอาจใช้วิธีกลต่างๆ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น จากนั้นจึงนำกล่องเหยื่อไม้ยางพาราใหม่กลับเข้ามาวางไว้แทนที่จุดเดิม ทำการดักปลวกเป็นระยะๆ ไปเรื่อยๆประมาณ 4-6 ครั้ง พบว่าปลวกเริ่มลดปริมาณลงไปจนไม่สามารถจะก่อให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงได้ เทคนิคการดักเก็บปลวกเริ่มลดปริมาณลงไปจนไม่สามารถนำไปใช้เป็นขั้นตอนการปฏิบัติงานร่วมกันกับวิธีการใช้สารออกฤทธิ์ประเภทสารยับยั้งการเจริญเติบโต และสามรถนำเทคนิคนี้ไปใช้ร่วมกับการกำจัดปลวกโดยชีววิธีในอนาคตได้ด้วย เช่น การใช้ nematode หรือจุลินทรีย์บางชนิด ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยยังอยู่ในระหว่างขันตอนศึกษาทดลองภายในห้อง
3. การใช้แสงไฟดึงดูดหรือขับไล่ปลวกแมลงเม่า ปลวกวรรณะนี้พบในฤดูผสมพันธุ์ อาจเกิดขึ้นปีละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับชนิดของปลวก แมลงเม่าจะบินออกมาจากรังเพื่อหาคู่ผสมพันธุ์ โดยทั่วไปมักจะบินมาเล่นไฟในพลบค่ำ ตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึงทุ่มครึ่ง ไม่เกินสองทุ่ม บางครั้งอาจพบแมลงเม่าบินออกจากรังหลังจากฝนตกใหม่ๆ ซึ่งเป็นสภาวะที่ดินมีความชุ่มชื้นและมีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการผสมพันธุ์และสร้างรังใหม่ของปลวก การจัดการปลวกในระยะนี้สามารถช่วยลดปริมาณแมลงเม่าที่จะผสมพันธุ์และสร้างรังใหม่ในบริเวณอาคารได้ การดำเนินการใช้วิธีการง่ายๆ เช่น การปิดไฟภายในบ้ายช่วงระยะเวลาดังกล่าว แล้วเปิดไฟบริเวณด้านนอกของอาคารแทนเพื่อดึงดูดให้แมลงเม่าออกไปเล่นไฟอยู่เฉพาะภายนอกอาคาร ในขณะเดียวกันควรจัดตั้งภาชนะปากกว้างใส่น้ำทิ้งไว้เพื่อดักแมลงเม่า จากนั้นนำไปกำจัดหรือนำไปใช้เป็นอาหารของคนหรือสัตว์
นอกจากนี้การใช้หลอดไฟที่ห่อหุ้มด้วยพลาสติกชนิดเคลือบสารพิเศษ เช่น แสง UV เพื่อขับไล่แมลงบินชนิดต่างๆ บริเวณรอบอาคาร เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ป้องกันไม่ให้แมลงเม่าบินเข้ามาผสมพันธุ์และสร้างรังในอาคารได้

รับฉีดปลวก
STD House บริษัทรับกำจัดปลวก ราคาถูก รับประกันคุณภาพทั่วจังหวัด
ศูนย์รวมสินค้างานกำจัดปลวก โดยทีมช่างมืออาชีพประสบการณ์สูง ออกแบบให้คำแนะนำ งานกำจัดปลวก มด แมลง แมลงสาบ ดูแล ประเมินราคา ตามงบประมาณ รับประกันงาน ทุกพื้นที่ ทั่วจังหวัด ในราคาถูกที่เป็นกันเอง

- ทีมช่างมีประสบการณ์ตรงด้านงานกำจัดปลวก มด แมลง แมลงสาบ มากกว่า 20 ปี
- เดินทางวัดหน้างานฟรีทั่วจังหวัด เพื่อให้ลูกค้าได้รับ งานที่ตรงความต้องการก่อนตัดสินใจ
- รับงานกำจัดปลวก มด แมลง ทุกพื้นที่ ทั่วจังหวัด ทั่วประเทศ
- ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง มีความแข็งแรง ทนทาน
- ราคาถูก รับประกันคุณภาพ พร้อมการบริการหลังการขาย
- บริการคุณภาพด้วย STD House บริษัทรับกำจัดปลวก
พร้อมรับงานทุกขนาด งานบ้านทั่วไป งานโครงการ งานรับเหมา และอื่นๆ สนใจกำจัดปลวก มด แมลง แมลงสาบ ที่ STD House บริษัทรับกำจัดปลวก เท่านั้น

บริษัทรับกำจัดปลวกบึงน้ำรักษ์
บริษัทรับกำจัดปลวกบึงยี่โถ
บริษัทรับกำจัดปลวกบึงสนั่น
บริษัทรับกำจัดปลวกประชาธิปัตย์
บริษัทรับกำจัดปลวกรังสิต
บริษัทรับกำจัดปลวกลำผักกูด